9 วิธีเกษียณอย่างเกษม(สุข)
อ.นพ.ไมเคิล เครก มิลเลอร์ อาจารย์จิตแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐฯ ตีพิมพ์เรื่อง คนเกษียณ ที่พึงพอใจ
อ.เวลแลนท์กล่าวว่า การเกษียณเป็นทั้งวิกฤตและโอกาส... ปัจจัยที่ทำให้คนเราเกษียณได้อย่างมีความสุขได้แก่
(1) มิตรภาพที่มีความหมายประเภทจริงใจและมีใจให้กันและกัน โดยเฉพาะกับคู่สมรส
(2) ทำงานอาสาสมัครที่ได้มีส่วนช่วยเหลือคนอื่น
(3)มีงานอดิเรกที่ชอบ และทำกิจกรรมที่มีความหมาย มีคุณค่า
(4) เข้าสังคมพอประมาณ
(5) มีความหวัง เช่น ได้ทำอะไรที่ตั้งใจไว้นานแล้วหลังเกษียณ เช่น ท่องเที่ยว ฯลฯ
ตรงกันข้ามปัจจัยที่ทำให้คนเราเกษียณอย่างไม่มีความสุขได้แก่
(1)ปิดตัว ไม่เข้าสังคม
(2)ทำงานที่ไม่ค่อยมีความหมาย ไม่มีคุณ
(3) ฆ่าเวลา มากกว่าสนุกกับการทำอะไร เช่น ดู TV หรือเล่นการพนันทั้งวัน ฯลฯ
(4). ใช้เครื่องหมายแห่งความสำเร็จจากภายนอก เช่น ตั้งเป้าความสำเร็จในชีวิตด้วยลาภ ยศ สรรเสรญ เช่น เงินทอง ตำแหน่ง ฯลฯ ซึ่งเมื่อหยุดทำงานหาเงินมีแนวโน้มจะ "สะดุดชีวิต" ทันที
การเตรียมเกษียณโดยไม่มีหนี้ มีเงินเก็บพอประมาณ มีงานที่มีคุณค่า มีงานอดิเรกที่ชอบ มีมิตรภาพที่ดี และมีความสุขกับอะไรที่ "ไม่ใช่งาน" จะช่วยให้คนเราเกษียณได้โดยที่ไม่ต้อง "สะดุดชีวิต" มากจนเกินไป
วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูง -เงินเดือนเดือนสุดท้าย หมายความว่าเงินเดือนที่ได้รับจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่ออกจาก
ราชการ รวมทั้งเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน
สำหรับค่าวิชา และหรือเงินเพิ่มสำหรับ
ประจำตำแหน่งที่ต้องฝ่าอันตรายเป็นปกติ
และหรือสำหรับการสู้รบ
-เวลาราชการสำหรับคำนวณ
บำเหน็จบำนาญ หมายความว่า
เวลาราชการที่ข้าราชการรับราชการ
มาตั้งแต่ต้นจนถึงวันสุดท้ายที่
ได้รับเงินเดือน หรือวันที่เสียชีวิต
วางแผนเกษียณอย่างง่าย
หลังจากที่ได้วางเป้าหมายและรวบรวมข้อมูลต่างๆจนครบถ้วนแล้ว เราจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และเขียนแผนให้เป็นรูปธรรม โดยมีขั้นตอนง่ายๆดังนี้
1. ระบุเป้าหมายให้เป็นตัวเลข
เราควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เป็นตัวเลขที่วัดค่าได้ เช่น เราอยากเกษียณที่อายุเท่าไร มีเวลาอีกกี่ปี ถึงเวลานั้นต้องมีเงินเก็บคิดเป็นยอดเงินเท่าไร และจะใช้เงินหลังเกษียณเดือนละเท่าไร ใช้ได้ไปอีกกี่ปี
สูตรง่ายๆในการคำนวนวงเงินเกษียณอายุ คือ
เงินที่ต้องการใช้ในแต่ละเดือน X 12 X 20 เท่า
เช่น หลังเกษียณอยากมีเงินใช้เดือนละ 20,000 บาท วงเงินที่ต้องเก็บออม คือ 20,000 X 12 X 20 = 4,800,000 บาท
2. หาสถานะการเงินปัจจุบัน
การจะบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ เราต้องรู้สถานะที่แท้จริงก่อน ว่าตอนนี้เรามีเงินเก็บอยู่เท่าไรแล้ว เพื่อจะได้รู้ว่าใกล้ถึงเป้าหมายแล้วหรือยัง และต้องทำอีกเท่าไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
สถานะการเงินปัจจุบันนั้น ภาษาชาวบ้านเราเรียกว่า “เงินเหลือเก็บสุทธิ” คือเงินเก็บที่หักหนี้สินออกหมดแล้วแต่ภาษาการเงินเขาเรียกว่า “ ความมั่งคั่งสุทธิ ” หรือ “ Net Worth ” ซึ่งหาได้ง่ายๆด้วยสมการดังนี้
ความมั่งคั่งสุทธิ = สินทรัพย์รวม - หนี้สินรวม
โดยมูลค่าของสินทรัพย์ต่างๆต้องเป็นราคาปัจจุบัน หรือเป็นราคาตลาด ( market price ) ไม่ใช่ราคาต้นทุนตอนที่ซื้อมา และหากราคาตลาดมีหลายราคา ให้ใช้ราคาที่ต่ำเป็นเกณฑ์ เพื่อจะได้ไม่หลอกตัวเองว่ามีเงินเหลือเก็บเยอะ
ตามทฤษฎี ความมั่งคั่งสุทธิที่เราควรมี = อายุ X รายได้ต่อปี ÷ 10
เช่น ปัจจุบันอายุ 40 ปี มีรายได้ปีละ 500,000 บาท ควรมีเงินเก็บสุทธิ เท่ากับ 40 x 500,000 ÷ 10 = 2 ล้านบาท เป็นต้น
ตัวอย่างการหาสถานะการเงินปัจจุบันของบุคคล โดยเทียบเคียงกับวิธีการทางบัญชีในการทำงบดุลบริษัท เพียงแต่ของเราเป็นงบดุลส่วนบุคคล ( Personal Balance Sheet )
สินทรัพย์ = หนี้สิน + ความมั่งคั่งสุทธิ
สินทรัพย์
หนี้สิน
สินทรัพย์หมุนเวียน ( มีสภาพคล่อง )
-เงินสด XXX
-บัญชีเงินฝากประเภทต่างๆ XXX
-หลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง XXX
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน XXX
อสังหาริมทรัพย์
-ที่อยู่อาศัย XXX
-บ้าน , ห้องให้เช่า XXX
รวมราคาอสังหาริมทรัพย์ XXX
สินทรัพย์เพื่อการลงทุน
-หลักทรัพย์ต่างๆเช่น หุ้น,หุ้นกู้,อนุพันธ์ XXX
-กองทุนรวมต่างๆ XXX
-กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ XXX
-กรมธรรม์ประกันชีวิต(มูลค่าเงินสด) XXX
รวมสินทรัพย์ลงทุน XXX
สินทรัพย์ใช้ส่วนตัว
-รถยนต์(ราคาตลาด) XXX
-เครื่องประดับมีค่า ของสะสม XXX
-คอมพิวเตอร์,เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ XXX
รวมสินทรัพย์ใช้ส่วนตัว XXX
สินทรัพย์รวม XXX
หนี้สินระยะสั้น
-ยอดคงค้างบัตรเครดิต XXX
-หนี้สินเงินกู้อื่นๆ XXX
รวมหนี้สินระยะสั้น XXX
หนี้สินระยะยาว
-ยอดคงค้างเงินกู้ซื้อบ้าน XXX
-ยอดคงค้างเงินกู้ซื้อรถ XXX
รวมหนี้สินระยะยาว XXX
หนี้สินรวม XXX
ความมั่งคั่งสุทธิ XXX
( ความมั่งคั่ง = สินทรัพย์รวม - หนี้สินรวม )
3. ดูการใช้จ่ายในอดีต
การจะเก็บเงินให้บรรลุเป้าหมาย เราต้องรู้เท่าทันพฤติกรรมการใช้จ่ายของเราว่า ที่ผ่านมาใช้จ่ายเหมาะสมหรือไม่ ใช้จ่ายมากกว่ารายได้หรือไม่ จะสามารถประหยัดการใช้จ่าย หรือหารายได้เพิ่มขึ้นอีกได้หรือไม่
งบรายรับรายจ่ายนี้ ทางการเงินเขาเรียก งบกระแสเงินสดส่วนบุคคล ( Personal Cash Statement )
รายรับ เรียก กระแสเงินสดรับ ( Cash Inflow ) , รายจ่าย เรียก กระแสเงินสดจ่าย ( Cash Outflow )
เงินเหลือเก็บ เรียก กระแสเงินสดสุทธิ ( Net Cash Flow ) ซึ่งอาจเป็นบวก หรือเป็นลบก็ได้
ตามทฤษฎี เราควรมีเงินเก็บที่มีสภาพคล่องสูงหรือสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที อย่างน้อย 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพื่อเป็นเงินสำรองฉุกเฉินเวลาเจ็บป่วย หรือ ต้องออกจากงานกระทันหัน จะไเวลาตั้งหลักได้อย่างน้อย 3-6 เดือน
ตัวอย่างงบกระแสเงินสดส่วนบุคคล
กระแสเงินสดรับ
กระแสเงินสดจ่าย
-เงินเดือน ค่าจ้าง xxx
-ดอกเบี้ยรับ xxx
-เงินปันผลรับ xxx
-รายได้จากค่าเช่า xxx
-รายได้จากการขายสินทรัพย์ xxx
-รายได้อื่นๆ xxx
กระแสเงินสดรับรวม xxx
ค่าใช้จ่ายคงที่
-ค่าผ่อนบ้าน
-เบี้ยประกัน
-ประกันสังคม
-เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
-อื่นๆ
ค่าใช้จ่ายคงที่รวม xxx
ค่าใช้จ่ายแปรผัน
-ค่าอาหาร
-ค่าสาธารณูปโภค(น้ำ,ไฟ,โทรศัพท์)
-ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์
-ค่าใช้จ่ายบุตร
-เงินให้บิดามารดา
-ค่ารักษาพยาบาล
-เงินภาษี
-เงินบริจาค
-ค่าใช้จ่ายๆอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายแปรผันรวม xxx
เงินเก็บออม,เงินลงทุน
-เงินออม
-เงินลงทุน
เงินเก็บออมรวม xxx
กระแสเงินสดจ่ายรวม xxx
กระแสเงินสดสุทธิ xxx
4. วางงบประมาณในอนาคต
หลังจากที่เราได้รู้สถานะปัจจุบัน รู้กระแสเงินสดเข้าออกว่าเหลือสุทธิในแต่ละปีเท่าไรแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ จัดทำงบประมาณในอนาคตว่า ถ้ามีรายได้ขนาดนี้ เราควรจะต้องใช้จ่ายเท่าไร เพื่อให้มีเงินเหลือที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้ การทำงบประมาณรายรับรายจ่ายส่วนบุคคลนี้ ภาษาทางการเงินเขาเรียกว่า Personal Budgeting
สำหรับคนที่มีความรู้เรื่องค่าของเงินตามเวลา ( Time Value Of Money ) ย่อมสามารถคำนวนได้ว่า จากเงินต้นจำนวนหนึ่งมีเงินออมเข้ามาทุกปี ด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจำนวนหนึ่ง ภายในระยะเวลาที่กำหนด เงินจะงอกเงยขึ้นมาเป็นเท่าไร
แต่ถ้าเรายังไม่ได้เรียนเรื่องนี้ ก็สามารถคิดแบบคร่าวๆได้ โดยคำนวณแบบไม่คิดดอกเบี้ย ว่ามีเงินต้นเท่านี้ ได้เงินออมเพิ่มขึ้นทุกปีๆละเท่านี้ มีเวลาเหลืออีกกี่ปี สุดท้ายจะได้เงินออมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไร ใกล้เคียงหรือขาดเหลือจากเป้าหมายเพียงไร
5. การพัฒนาแผนให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
หลังจากเขียนแผนการเงินอย่างย่อขึ้นมาแล้ว ขั้นตอนสุดท้าย คือการพัฒนาแผนให้บรรลุเป้าหมายเร็วขึ้น มีประสิทธิผลมากขึ้น ด้วยการวางแผนลงทุนที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มผลตอบแทนบนความเสี่ยงที่เรารับได้ ตรวจสอบความพอเพียงของวงเงินประกันที่เปลี่ยนไปตามความจำเป็น พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากสิทธิลดหย่อนทางภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงิน
ทั้งหมดนี้สามารถศึกษาหาความรู้จากตำราต่างๆ หรือ ขอคำแนะนำจากผู้รู้เพิ่มเติมได้ จากนั้นก็คอยติดตามผลการลงทุน การงอกเงยของเงินออม และรอให้ภาพฝันกลายเป็นความจริง
เปิดหน้าเวบไซด์ของ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แล้ว คลิกหัวข้อ “ ความรู้ผู้ลงทุน ” ต่อด้วย “ Investment Tips And Warning ” และ “ วางแผนทางการเงิน”ตามลำดับ
บทสรุป
ในแต่ละวัน มีคนจำนวนมากตื่นขึ้นมา พร้อมกับพบความจริงว่า วันเกษียณอายุของตนใกล้เข้ามาทุกที โดยที่ตนเองยังไม่พร้อม ถ้าวันนี้คุณยังไม่ได้เตรียมแผนการเงินเฉพาะของตนเอง รีบวางแผนเสียตั้งแต่วันนี้ มิฉะนั้นวันเกษียณอายุที่จะมาถึง แทนที่จะเป็นวันคืนอันแสนสุข อาจจะกลายเป็นวันแห่งฝันร้ายก็เป็นได้
ขอให้มีความสุขตอนเกษียณครับ
ถ้ายังไม่ถึงเป้าหมายอีก ก็สามารถปรับงบประมาณได้ ตามแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1. ใช้จ่ายน้อยลง เพื่อให้มีเงินออมมากขึ้น
2. เพิ่มรายได้ ด้วยการหางานพิเศษทำ
3. ทำงานนานขึ้น เกษียณอายุช้าลง
4. บริหารเงินออมให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงขึ้น
5. ลดเป้าหมายลง โดยยอมรับที่จะใช้จ่ายน้อยลงยามเกษียณ
การจัดทำงบประมาณที่ดี เรามีเทคนิคง่ายๆที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย คือ ให้กันเงินออมออกมาจากรายได้ก่อนที่เหลือจึงนำไปใช้จ่าย ถ้าทำได้แบบนี้ ก็จะมีเงินเหลือทุกเดือนแน่นอน
ตัวอย่างของงบประมาณที่ดี
รายการ
งบที่ตั้งไว้
เกิดขึ้นจริง
คลาดเคลื่อน
กระแสเงินสดรับ
- เงินเดือน ค่าจ้างอื่น
- รายได้จากดอกเบี้ย,เงินปันผล
- รายได้อื่นๆ
กระแสเงินสดรับรวม
กระแสเงินสดจ่าย
สำรองเผื่อเหตุฉุกเฉินและการออม
- ออมเผื่อเหตุฉุกเฉิน
- ออมเพื่อการลงทุน
- ออมเพื่อการท่องเที่ยว
รวมเงินออม เงินสำรองทั้งหมด ( 1 )
ค่าใช้จ่ายคงที่
- ค่าผ่อนบ้าน
- ค่าผ่อนรถยนต์
- เบี้ยประกันภัย
- ประกันสังคม
- อื่นๆ
รวมค่าใช้จ่ายคงที่ ( 2 )
ค่าใช้จ่ายแปรผัน
- ค่าอาหาร
- ค่าสาธารณูปโภค
- ค่าใช้จ่ายรถยนต์
- เงินให้บิดา,มารดา
- ค่าใช้จ่ายบุตร
- ค่าใช้จ่ายดูแลสุขภาพ
- เงินภาษี
- เงินบริจาค
- ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
รวมค่าใช้จ่ายแปรผัน ( 3 )
รวมกระแสเงินจ่ายทั้งหมด
( 1 ) + ( 2) + ( 3 )
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข่าวเกษียณอายุราขการก่อนกำหนด กองทัพอากาศ
ขออนุญาตชี้แจงว่า ณ ตอนนี้ มีโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด อยู่ ๒ โครงการ คือ ๑.แนวทางการให้ข้าราชการทหารลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุราชการ "ตามติ กขท." -ซึ่งโครงการนี่ สิทธิพิเศษที่จะได้รับ มีเพียง *การเลื่อนยศเป็นกรณีพิเศษ ๑ ชั้นยศ* เท่านั้น -คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ หลักๆคือ ต้องมีอายุราชการ เหลืออย่างน้อย ๑ ปี , อายุ ๔๕ ปีขึ้นไป หรือ มีเวลาราชการตั้งแต่ ๒๕ ปี ขึนไป ๅ(ไม่รวมเวลาราชการทวีคูณ) ๒.แนวทางให้นายทหารชั้นนายพลลาออกจากราชการก่อน เกษียณอายุราชการ ,"ตามมติ สภากลาโหม" -ส่วนโครงการนี้ เป็นโครงการสำหรับ *นายทหาชั้นนายพล* ผู้ประสงค์จะลาออกจากราชการก่อน เกษียณอายุราชการ ,*หมายเหตุ โครงการ ฯ ที่ให้สิทธิประโยชน์ ในเรื่องของ เงินก้อน ๘-๑๕ เท่า และ เลื่อนยศเป็นกรณีพิเศษ ๑ ชั้นยศนั้น เรียกว่า โครงการเกษียณอายุราชการ,ก่อนกำหนดของ กห. "ตามมติ ครม." ซึ่งแผนอนุมัติโครงการฯนี้ ได้สิ้นสุดลงเมื่อ ปีงบประมาณ ๒๕๕๖(พ.ศ.๒๕๕๕) ตอนนี้ต้องรออนุมัติแผนใหม่ จาก ครม. ซึ่งหากมีความคืบหน้าอย่างไร ทาง กพ.ทอ.จะรีบแจ้งให้ นขต.ทอ.ทราบโดยเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ๒-๑๒๑๓
จาก ผบป.กจพ.กพ.ทอ. : เมื่อ 9/4/2556 11:14:30